วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์

                เมื่อทำความรู้จักส่วนต่างๆของคอมพิวเตอร์กันมาพอสมควรแล้วมาถึงตอนนี้มาเรียนรู้วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้มีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น
                พูดถึงเรื่องการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์มีทั้งการทำความสะอาดภายนอกและการดูแลรักษาภายในตัวเครื่องรวมถึงซอฟแวร์โปรแกรมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์หรือที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่า ไวรัสคอมพิวเตอร์โปรแกรเหล่านี้จะรบกวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณ ยังมีอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลงนั่นก็คือการใช้งานโปรแกรมต่างๆเป็นเวลานาน การดูแลรักษา บำรุงคอมพิวเตอร์ให้มีระยะเวลาการใช้งานนานมีดังต่อไปนี้



การทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
วิธีการทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ต้องเริ่มจากการถอดปลั๊กไฟก่อนเพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเราเอง(ไฟฟ้าจะดูดท่านได้นะ) ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด จากนั้นทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ เช็ดส่วนต่างๆภายนอกตัวเครื่อง สายไฟคอมพิวเตอร์
1.เป่าฝุ่นหรือกำจัดฝุ่นที่อยู่บนตัวเครื่อง ควรทำความสะอาดภายในเครื่องทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่ถอดฝาครอบ ใช้แปลงที่มีขนอ่อนๆ อาจจะเป็นแปรงด้ามไม้ไผ่หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้าง เพราะหน้าจอหรือตัวเครื่องบางรุ่น หากใช้แปรงที่มีขนหนาอาจทำให้หน้าจอคอมพิวเตอร์บางรุ่นเป็นรอยได้ วงจรภายในให้ใช้ลมเป่าและใช้แปรงขนอ่อนๆ ปัดฝุ่นออก


2.ตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ : อาจยุ่งยากสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดในด้านการช่าง เพราะต้องทำการเปิดฝาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตรวจเช็คพัดลมระบายความร้อน สายไฟที่อยู่ภายในและฝุ่นที่เกาะอยู่ที่เมนบอร์ด ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า ความร้อนก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์เสียได้เพราะอุปกรณ์สึกหรอได้รวดเร็ว


3.จัดวางคอมพิวเตอร์ให้ถูกหลัก : สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ การจัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรวางให้ห่างจากกำแพง หรือมีช่องว่างด้านหลังจอประมาณ 1 ไม้บรรทัด เพราะความร้อนที่กระจายออกมาจะได้มีการระบายที่โล่งและไม่เกิดอุณหภูมิสูง รวมถึงตัวเคสคอมพิวเตอร์ก็ควรตั้งในที่มีช่องระบายความร้อนให้ลมสามารถพัดเข้า-ออกได้  ผู้ที่ใช้โน้ตบุ๊คก็ทำนองเดียวกัน ควรยกระดับด้านล่างของโน้ตบุ๊คให้มีช่องว่างระบายอากาศด้านล่างด้วย เนื่องจากโน้ตบุ้คจะมีความร้อนที่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป แนะนำให้หาพัดลมระบายความร้อน หรือพัดลมตั้งพื้นเป่า
4.จัดการไฟล์ที่ไม่ได้ใช้แล้วหรือไม่สำคัญ : ไฟล์ต่างๆที่เราดาวน์โหลดมาหรือเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หากไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือไม่สำคัญก็ควรลบทิ้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์บ้าง เพราะจะทำให้ไม่เปลืองความจำเครื่อง ได้พร้อมและมีที่ว่างรับข้อมูลใหม่
5.จัดระเบียบโฟลเดอร์ต่างๆ : ในส่วนนี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและช่วยในเรื่องการทำงานของเราได้เลยครับเพราะหากเราจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาที่หาไฟล์ต่างๆก็จะสะดวกมากขึ้น เครื่องก็จะทำงานไม่หนักครับ


6.กำจัดและสแกนไวรัสในคอมพิวเตอร์ : เมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ย่อมต้องมีไวรัสเป็นธรรมดา ไวรัสไม่จำเป็นต้องมาจากอินเตอร์เน็ตเสมอไป มาจากแฮนดี้ไดร์ก็ได้ เพราะฉะนั้นคอมพิวเตอร์ของเราต้องมีโปรแกรมแสกนไวรัสไว้ติดเครื่องตลอด ไว้ในการตรวจจับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อคอมของเราโปรแกรมสแกนไวรัสปัจจุบันมีหลายหลายให้เลือกใช้ อย่างเช่น NOD32, AVG Antivirus, Avast, Panda Cloud เป็นต้น
7.ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานทิ้ง : หากเรารู้ว่าโปรแกรมไหนที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือเกมส์ต่างๆที่เราลงไว้ในคอมพิวเตอร์ไม่ได้เล่นเราควรจะลบออกครับเช่นเดียวกับโฟลเดอร์และไฟล์ เพราะจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่ทำงานหนักที่ต้องเตรียมโปรแกรมต่างๆคอยเสิร์ฟเวลาที่เราจะใช้งาน
8.จัดพื้นที่ในส่วนที่ว่างในฮาร์ดดิส : เมื่อเราลงโปรแกรม ลบโปรแกรม จัดเก็บข้อมูล ลบข้อมูล ในฮาร์ดดิสจะมีที่ว่างเหลืออยู่บ้างนิดหน่อยระหว่างโปรแกรมในฮาร์ดดิสดังนั้นจึงต้องจัดระเบียบของฮาร์ดดิสเสียใหม่ แนะนำโปรแกรม disk defragmenter ซึ่งโปรแกรมนี้จะอยู่ในวินโดว์ของเครื่องอยู่แล้ว

         พฤติกรรมที่ไม่ควรทำขณะใช้งานคอมพิวเตอร์
1. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
2. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
3. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์
4. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ สาเหตุที่ทำให้เครื่องพีซีเกิดความเสียหาย
5. ไม่ควรสูบบุหรี่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์

6. อย่านำแม่เหล็กมาวางใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างเช่น ลำโพง แม่เหล็กติดกระดาน เป็นต้น แม่เหล็กสามารถทำให้ข้อมูลในแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก็สูญหายได้อย่างถาวร